ทุกเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับหมู่เลือด

Last updated: 27 มี.ค. 2566  |  1789 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Blood type

หมู่เลือด / หมู่โลหิต

สำหรับหมู่เลือดแบบที่เราใช้กันปกติจะเป็นแบบระบบ ABO ซึ่งจะประกอบไปด้วยกรุ๊ปเลือด A, B, AB และ O ซึ่งจะถูกส่งทอดมาจากพ่อแม่สู่รุ่นลูก และในทุกกรุ๊ปที่กล่าวมาข้างต้น สามารถถูกจำแนกเป็นแบบ Rh+ หรือ Rh- ได้อีก ดังนั้น เราจะมีอย่างน้อย 8 กรุ๊ป จากที่กล่าวข้างต้น คือ

A+

A-

B+

B-

AB+

AB-

O+

O-


Antibody และ Antigen คืออะไร?

เมื่อเรารู้จักหมู่เลือด ABO และ Rh แล้ว ประเด็นต่อมาที่ควรทราบคือ Antibody และ Antigen คืออะไร และมีบทบาทอะไร

เลือดประกอบขึ้นมาจากเซลล์เม็ดเลือดแดง, เซลล์เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดในของเหลวที่เรียกว่าพลาสมา และเลือด โดยกรุ๊ปเลือดสามารถถูกแบ่งได้จากการดู Antibodies และ Antigens ในร่างกาย

Antibodies เป็นโปรตีนที่พบได้ในพลาสมา (Plasma) โดย Antibodies เป็นหนึ่งในทีมที่ทำหน้าที่ปกป้องร่างกายจากสิ่งแปลกปลอมที่เข้าเล็ดลอดเข้ามา เช่น เชื้อโรค ฯลฯ โดยเมื่อ Antibodies ตรวจพบสิ่งแปลกปลอม มันจะทำการส่งสัญญานให้กับระบบภูมิคุ้มกันของเราเพื่อเข้ามาจัดการสิ่งแปลกปลอมนั้น ๆ

Anitgens เป็นโมเลกุลโปรตีนที่พบได้พบพื้นผิวของเซลล์เม็ดเลือดแดง

 

Antigen และ Antibody ในเลือดแต่ละกรุ๊ป

เลือดกรุ๊ป A : มี Antigen A และ มีสารต่อต้าน (Anti-B)

เลือดกรุ๊ป B : มี Antigen B และ มีสารต่อต้าน (Anti-A)

เลือดกรุ๊ป AB : มี Antigen A และ Antigen B และไม่มีสารต่อต้าน

เลือดกรุ๊ป O : ไม่มีทั้ง Antigen A และ Antigen B จึงมีสารต่อต้านทั้ง Anti-A และ Anti-B

 

ความเข้ากันได้ของเลือดแต่ละกรุ๊ป


เลือดกรุ๊ป A สามารถบริจาคเลือดให้กับเลือดกรุ๊ป A และ AB ได้

เลือดกรุ๊ป B สามารถบริจาคเลือดให้กับเลือดกรุ๊ป B และ AB ได้

เลือดกรุ๊ป AB สามารถบริจาคเลือดให้กับเลือดกรุ๊ป AB เท่านั้น

เลือดกรุ๊ป O สามารถบริจาคเลือดให้กับเลือดกรุ๊ป A, B, AB และ O (ได้ทุกกรุ๊ป)

 

หมู่โลหิตAntigenAntibobyสามารถรับเลือดได้จากสามารถบริจาคเลือดให้กับ
AAAnti-BA, OA
BBAnti-AB, OB
ABA, B-A, B, AB, OAB
O-Anti-A, Anti-BOA, B, AB, O

 

ระบบหมู่เลือด Rh

ระบบ RH เป็นระบบที่ประกอบไปด้วย Antigen 5 หลักชนิด คือ Antigen D, Antigen C, Antigen E, Antigen c, Antigen e และนอกจากนี้ยังมี Antigen อีกกว่า 46 ชนิด ที่ในบทความนี้จะไม่ได้กล่าวถึง

Antigen ตัวหลักที่เป็นตัวบ่งบอกถึงกรุ๊ปเลือดในระบบ Rh คือ Antigen D

Rh+ หมายถึงคนที่มี Antigen D ที่พื้นผิวของเซลล์เม็ดเลือดแดง โดยสามารถรับเลือดได้จากทั้งชนิด Rh+ และ Rh- โดยสถิติที่ผ่านมาบ่งชี้ว่าคนไทยกว่า 99.7% มีเลือดเป็นแบบ Rh+

Rh- หมายถึงคนที่ไม่มี Antigen D ดังนั้นคือจะมี สารต่อต้าน Anti D และจึงสามารถรับได้เพียงเลือดชนิด Rh- เท่านั้น โดยจากสถิติที่ผ่านมาบ่งชี้ว่าคนไทยเพียง 0.3% ที่มีเลือดเป็นแบบ Rh- ซึ่งจัดได้ว่า เป็นกลุ่มเลือดที่หาได้ยากมาก



Antibody test

Antibody เป็นโปรตีนที่พบได้ในพลาสมา (Plasma) โดย Antibodies เป็นหนึ่งในทีมที่ทำหน้าที่ปกป้องร่างกายจากสิ่งแปลกปลอมที่เข้าเล็ดลอดเข้ามา เช่น เชื้อโรค ฯลฯ โดยเมื่อ Antibodies ตรวจพบสิ่งแปลกปลอม มันจะทำการส่งสัญญานให้กับระบบภูมิคุ้มกันของเราเพื่อเข้ามาจัดการสิ่งแปลกปลอม

การทดสอบ Antibodies ช่วยในการตรวจสอบการติดเชื้อย้อนหลังหรือในปัจจุบันของผู้ที่เข้ารับการตรวจ และสามารถประเมิณภาวะภูมิคุ้มกัน รวมถึงยังทดสอบความมีประสิทธิภาพของการใช้ Vaccine ได้อีกด้วย 



Antigen test

Antigen เป็นโมเลกุลโปรตีนที่พบได้พบพื้นผิวของเซลล์เม็ดเลือดแดง และมันทำหน้าที่ในการเตือนระบบปภูมิคุ้มกัน และนอกจากนี้มันยังถูกสร้างหรือกระตุ้นได้จากเชื้อโรค, ไวรัส หรือ แบคทีเรีย

Antigen test คือ การตรวจสอบจำนวน Antigens ในเลือด โดยการตรวจสอบจำนวน Antigens ในเลือดจะทำให้ทราบได้ว่าร่างกายได้มีการติดเชื้ออยู่หรือไม่


ข้อแตกต่างระหว่าง Antibody และ Antigen test?

หากอ่านมาถึงตรงนี้ ท่านอาจจะสงสัยได้ว่า Antibody test และ Antigen test ล้วนแล้วก็มีจุดประสงค์ในการตรวจเดียวกัน คือตรวจหาการติดเชื้อของผู้ตรวจ แล้วทำไมถึงต้องมีทั้งการตรวจแบบ Antibody และ Antigen?

โดยขออธิบายไว้แบบนี้ครับ Antibodies และ Antigens เป็นโมเลกุลโปรตีนที่ต่างกันและมีจุดประสงค์หรือหน้าที่ที่แตกต่างกันในระบบภูมิคุ้มกัน

ใน Antibodies หรือที่รู้จักกันในนาม Immunoglobulin เป็นโปรตีนที่ถูกสร้างจากระบบภูมิคุ้มกันจากการตอบสนองต่อการติดเชื้อ Antibodies จะถูกมัดกับ Antigens บนพื้นผิวของเชื้อโรค (ไวรัส หรือแบคทีเรีย) และช่วยในการปรับสภาพหรือทำลายตัวเชื้อนั้น ๆ ออกจากร่างกาย

เมื่อเราเกิดการติดเชื้อจากเชื้อโรค ระบบภูมิคุ้มกันจะสร้าง Antibodies ที่ตรงชนิดกับเชื้อโรคตัวนั้น ๆ โดย Antibody test สามารถตรวจสอบจำนวน Antibodies ในร่างกาย ณ วันที่ตรวจสอบ และบ่งชี้ได้ว่าผู้ตรวจมีการติดเชื้อในช่วงที่ผ่านมานี้หรือไม่

Antigens เป็นโมเลกุลที่พบเจอได้บนพื้นผิวของเชื้อโรคและถูกตรวจพบเจอได้จากระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อเชื้อโรคได้เข้าสู่ร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันจะสามารถจำเชื้อโรคตัวนั้นได้และจะปล่อย Antibodies ออกไปเพื่อปรับสภาพของเชื้อโรค หรือกำจัดทิ้ง

Antigen test มีไว้ทดสอบจำนวน Antigens ของผู้ตรวจ เพื่อใช้สังเกตว่าผู้ตรวจได้มีการติดเชื้อ ณ วันที่ตรวจหรือไม่



โดยสรุป

Cross Matching = การทดสอบความเข้ากันได้ของเลือดผู้รับและผู้ให้บริจาคเลือด

Antibody test = การทดสอบ Antibodies ของผู้รับการตรวจสอบ เพื่อดูว่ามีการติดเชื้อ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้