White coat syndrome โรคกลัวหมอ ความดันขึ้น

Last updated: 18 พ.ย. 2568  |  5298 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Doctor lost his mind

White Coat Hypertension หรือ White Coat Syndrome

White Coat Syndrome สามารถแปลตรงตัวได้เลยคืออาการกลัวชุดขาว (บุคลากรทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นคุณหมอหรือคุณพยาบาล)

คืออาการที่ผู้วัดความดันมีความดันที่สูงกว่าปกติโดยอาจเกิดจากการที่พบเจอกับบุคลากรทางแพทย์ไม่ว่าจะเป็นคุณหมอหรือคุณพยาบาล หรือเป็นไปได้เช่นกันที่เกิดจากการมาโรงพยาบาลซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ทำให้ผู้เข้าวัดความดันเกิดอาการประหม่าได้

ซึ่งที่กล่าวมาข้างต้นก็ถือไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากแต่ละคนมีการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมภายนอกที่แตกต่างกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่คำถามสำคัญคือ อาการดังกล่าวสามารถส่งผลเสียในระยะยาวทำให้ผู้วัดมีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้เลยหรือไม่?

ในช่วงแรก บุคลากรทางการแพทย์ก็ไม่ได้คิดว่าอาการ White Coat Syndrome จะเป็นสิ่งที่น่ากังวลนัก เนื่องจากผู้ที่มีอาการดังกล่าวมักไม่ได้มีความดันสูงเวลาวัดความดันที่บ้าน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่คิดแบบเดียวกัน เพราะได้มีบุคลากรทางการแพทย์บางส่วนที่มองว่าอาการดังกล่าวอาจนำไปสู่โรคความดันโลหิตสูงระยะยาวได้เลย

ซึ่งจากงานวิจัยจากสหรัฐอเมริกาล่าสุดพบว่า White Coat Syndrome อาจเกิดขึ้นได้ถึง 30% ของชาวอเมริกันเลยทีเดียว ซึ่งความเสี่ยงของการเสียชีวิตนั้นเกือบจะเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้มีอาการ White Coat Syndrome

ดังนั้นเมื่อเราได้รับทราบแล้วว่าความดันโลหิตสูงที่วัดได้อาจเกิดจากอาการ White Coat Syndrome เราไม่ควรที่จะนิ่งนอนใจกับค่าความดัน

อาการของการเป็นโรคความดันโลหิตสูง

  1. มีอาการปวดหัว
  2. หายใจลำบาก
  3. มีปัญหาด้านการมองเห็น
  4. เจ็บหน้าอก
  5. เหงื่อออกง่าย
  6. เลือดกำเดาไหล

ซึ่งอาการดังกล่าวนอกจากจะเกิดจากความดันโลหิตสูงได้แล้ว ยังสามารถเกิดจากปัจจัยอื่นได้อีกด้วย ดังนั้นเพื่อความสบายใจของตัวท่านเอง รวมถึงครอบครัว ท่านควรไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยอาการเพิ่มเติม

ปัจจัยใดที่ส่งผลให้ค่าความดันสูง?

  1. ความเครียด, นอนหลับไม่เพียงพอ
  2. ทานอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย มีรสจัด เค็ม และอาหารมัน
  3. การเจ็บปวดตามร่างกาย
  4. การใช้ยาลดน้ำมูก, ยาแก้ปวด บางชนิด อาจส่งผลต่อความดันได้ 

แนวทางการรักษา ควบคุม ไม่ให้เกิดความดันโลหิตสูง

  1. หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายกลับไปอยู่ในดัชนีมวลกาย (BMI) ที่เหมาะสม นั่นก็คือช่วงระหว่าง 18-25
  2. งดการสูบบุหรี่
  3. เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ งดทานของเค็มจัด เนื่องจากโซเดียม
  4. ลดหรืองดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

สรุป

เมื่อมีอาการที่รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล เราควรจะไปพบแพทย์เพื่อให้คุณหมอได้วินิจฉัยอาการได้อย่างถูกต้อง เพราะอาการที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ จึงเป็น

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้